Translate

วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

อิทธิบาท ๔



 ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ว่า  อิทธิบาท คือ ทางแห่งความสำเร็จในสมถภาวนาที่เป็นฌานและวิปัสสนาภาวนาซึ่งรวมถึงมรรคจิตด้วย  แสดงให้เห็นว่า อิทธิบาท หมายถึงความสำเร็จที่เป็นไปในฝ่ายกุศลเท่านั้น

อิทธิบาท ๔  ประกอบด้วย  ฉันทะ  วิริยะ  จิตตะ  วิมังสา

             ฉันทะ  คือ ความพอใจ เป็นเจตสิกธรรมซึ่งเกิดได้ทั้งกุศลจิตและอกุศลจิต   แต่ถ้าเป็นอิทธิบาทแล้วฉันทะที่เกิดกับจิต จะต้องเป็นกุศลเท่านั้น  หมายถึงต้องเป็นไปในสมถภาวนาและวิปัสสนาเท่านั้น

             วิริยะ  คือ  ความเพียร  เป็นเจตสิกธรรมที่เกิดกับกุศลจิตและอกุศสลจิตก็ได้  ถ้าเป็นอิทธิบาทแล้ว  วิริยะหรือความเพียรนั้น จะเกิดกับกุศลจิตเท่านั้น  คือต้องเป็นไปในสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนาหรือมรรคจิต

             จิตตะ  คือ จิตที่ประกอบด้วยปัญญา  แสดงว่าต้องเป็นกุศลเท่านั้น  ในระดับขั้นสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนา

             วิมังสา  คือ  ตัวปัญญาที่เป็นปัญญาระดับสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนาหรือระดับมรรค

อิทธิบาท  เป็นองค์ธรรมที่เป็นบาทหรือเป็นเครื่องให้ถึงซึ่งความสำเร็จ   คือหมายถึงความสำเร็จในฌานขั้นต่าง ๆ หรือความสำเร็จในการประจักษ์แจ้งอริยสัจจธรรม  ถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่าง ๆ  ไม่ใช่หมายถึงความสำเร็จในการศึกษาเล่าเรียน  หรือความสำเร็จในการประกอบกิจการงานอาชีพต่าง ๆ

อิทธิบาท ๔  เป็นธรรมชั้นสูง  เป็นธรรมฝักใฝ่ในการตรัสรู้อริยสัจจธรรม  เพราะเหตุว่า มุ่งหมายถึงการอบรมเจริญปัญญา ที่เป็นไปในฝ่ายกุศลขั้นสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนา

สำหรับความสำเร็จในทางโลกนั้น  ก็ไม่พ้นไปจากความพอใจ  ไม่พ้นไปจากความขยันหมั่นเพียร  แต่ว่าเป็นไปในฝ่ายอกุศล  เพราะเหตุว่า ขณะใดก็ตามที่จิตไม่ได้เป็นไปในทาน  ในศีล  ในความสงบของจิต  ขณะนั้นจิตเป็นอกุศล  ถึงแม้ว่าจะมีฉันทะและวิริยะก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่อิทธิบาท


                                                 ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

                                                      ขออุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์