ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย |
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ว่า อิทธิบาท คือ ทางแห่งความสำเร็จในสมถภาวนาที่เป็นฌานและวิปัสสนาภาวนาซึ่งรวมถึงมรรคจิตด้วย แสดงให้เห็นว่า อิทธิบาท หมายถึงความสำเร็จที่เป็นไปในฝ่ายกุศลเท่านั้น
อิทธิบาท ๔ ประกอบด้วย ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา
ฉันทะ คือ ความพอใจ เป็นเจตสิกธรรมซึ่งเกิดได้ทั้งกุศลจิตและอกุศลจิต แต่ถ้าเป็นอิทธิบาทแล้วฉันทะที่เกิดกับจิต จะต้องเป็นกุศลเท่านั้น หมายถึงต้องเป็นไปในสมถภาวนาและวิปัสสนาเท่านั้น
วิริยะ คือ ความเพียร เป็นเจตสิกธรรมที่เกิดกับกุศลจิตและอกุศสลจิตก็ได้ ถ้าเป็นอิทธิบาทแล้ว วิริยะหรือความเพียรนั้น จะเกิดกับกุศลจิตเท่านั้น คือต้องเป็นไปในสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนาหรือมรรคจิต
จิตตะ คือ จิตที่ประกอบด้วยปัญญา แสดงว่าต้องเป็นกุศลเท่านั้น ในระดับขั้นสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนา
วิมังสา คือ ตัวปัญญาที่เป็นปัญญาระดับสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนาหรือระดับมรรค
อิทธิบาท เป็นองค์ธรรมที่เป็นบาทหรือเป็นเครื่องให้ถึงซึ่งความสำเร็จ คือหมายถึงความสำเร็จในฌานขั้นต่าง ๆ หรือความสำเร็จในการประจักษ์แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่าง ๆ ไม่ใช่หมายถึงความสำเร็จในการศึกษาเล่าเรียน หรือความสำเร็จในการประกอบกิจการงานอาชีพต่าง ๆ
อิทธิบาท ๔ เป็นธรรมชั้นสูง เป็นธรรมฝักใฝ่ในการตรัสรู้อริยสัจจธรรม เพราะเหตุว่า มุ่งหมายถึงการอบรมเจริญปัญญา ที่เป็นไปในฝ่ายกุศลขั้นสมถภาวนาและวิปัสสนาภาวนา
สำหรับความสำเร็จในทางโลกนั้น ก็ไม่พ้นไปจากความพอใจ ไม่พ้นไปจากความขยันหมั่นเพียร แต่ว่าเป็นไปในฝ่ายอกุศล เพราะเหตุว่า ขณะใดก็ตามที่จิตไม่ได้เป็นไปในทาน ในศีล ในความสงบของจิต ขณะนั้นจิตเป็นอกุศล ถึงแม้ว่าจะมีฉันทะและวิริยะก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่อิทธิบาท
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
ขออุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์