วันหนึ่ง ๆ หนีไม่พ้นเรื่องผลของกรรม ไม่ว่าจะหลับหรือตื่นก็หนีไม่่พ้นเรื่องผลของกรรม.....ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา เพราะฉะนั้นจะห้ามไม่ให้หลับ ไม่ให้ตื่น ไม่ให้เห็น ไม่ให้ได้กลิ่น ไม่ให้ลิ้มรส ไม่ให้รู้กระทบสัมผัสไม่ได้เลย เพราะเหตุว่าสภาพธรรมที่กล่าวมานี้ทั้งหมดเป็นวิบากจิตหรือผลของกรรม
การหลับเป็นภวังค์ จิตที่ทำภวังคกิจเป็นวิบากจิต เป็นผลของกรรม มีกรรมเป็นปัจจัย เป็นเหตุทำให้ภวังคจิตเกิดขึ้น.....ภวังคจิต ทำกิจดำรงภพชาติในขณะที่ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ลิ้มรส ไม่รู้กระทบสัมผัส บังคับบัญชาไม่ได้ บางครั้งอยากจะหลับ แต่ก็ไม่สามารถจะหลับได้ เพราะไม่มีเหตุปัจจัยที่จะทำให้ภวังคจิตเกิดขึ้นได้....
การตื่นก็เป็นผลของกรรม การหลับหรือการนอนไม่หลับก็เป็นผลของกรรม เมื่อไม่หลับก็ต้องเห็น จิตเห็นเป็นผลของกรรม ต้องได้ยิน จิตได้ยินก็เป็นผลของกรรมและเวลาที่หลับแล้วจะไม่ตื่นก็ไม่ได้ ถ้าตื่นก็คือเห็น ซึ่งเป็นผลของกรรมเช่นกัน
บางครั้งการที่ไม่หลับ ก็ไม่ใช่เพียงเป็นผลของกรรมเท่านั้น แต่เป็นผลของการสะสมของอกุศลก็ได้ เพราะเหตุว่าจิตที่เป็นโลภะเกิดขึ้นนึกคิดเรื่องราวต่าง ๆ ทางใจ ถึงแม้ว่าจะไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ได้ลิ้มรส ไม่ได้รู้สิ่งกระทบสัมผัสทางกาย แต่ก็มีการนึกคิดเรื่องราวต่าง ๆ ทางใจ ในขณะนั้นไม่ใช่ผลของกรรม แต่เป็นกิเลสที่ทำให้ไม่หลับ
เพราะฉะนั้น เมื่อเข้าใจรู้ชัดในเรื่องของกรรมและผลของกรรมหรือวิบากจิตแล้ว ก็จะเห็นได้ว่า จะหลับหรือตื่นก็หนีไม่พ้นเรื่องผลของกรรม
ขออุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์
........................................