Translate

วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ปฏิบัติเริ่มด้วยความเข้าใจ



 ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

เวลานี้มีทางหลงทาง  และทางที่จะไปสู่ความรู้แจ้งสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ  เป็นของจริง  เป็นอริยมรรคเป็นมรรคมีองค์ ๘   หรือจะใช้ทางสายกลางมัชฌิมาปฏิปทา มีอีกหลายชื่อทีเดียว  แต่ให้ทราบว่าทางจริงที่จะทำให้ทราบสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏ ที่เกิดดับมี  อันนี้เป็นหนทางจริง ๆ  นอกจากนั้นยังมีทางที่จะหลงด้วย  คือไม่ใช่ทางนี้  คือไปทางอื่นแล้วก็หวัง เพียงหวังว่าจะถึงทางนี้

การที่จะรู้ได้ว่าทางนี้จะเป็นทางจริงหรือเป็นทางหลงได้  ก็คือว่า  ปัญญามีหรือเปล่า  พระอรันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยปัญญา  ถ้าไม่มีปัญญาแล้ว  ยังไง ๆ ก็เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้แน่ ๆ  หรือพระสาวกตั้งแต่พระโสดาบัน จนถึงพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ต้องมีปัญญา  และถ้าปัญญาขั้นฟังไม่มี  ปัญญาขั้นอื่นจะมีได้ไหม  เป็นเรื่องปัญญาล้วน  ๆ

ใครฟังธรรม  ใครเข้าใจ  เคยเป็นเรา  แต่ให้ทราบว่า ความจริงแล้วเป็นปัญญา  ซึ่งเริ่มเกิดเริ่มเจริญ ที่จะรู้ว่า  สภาพธรรมที่มีจริงนั้น คืออะไรในขณะนี้  นี่เป็นปัญญาขั้นหนึ่ง  เพราะฉะนั้น ที่ใช้คำว่าปฏิบัตินั้น  เข้าใจว่าคนที่ใช้คำนี้ ก่อนนั้นไม่ได้ศึกษาเลย  ไม่ได้ฟังพระธรรมเลยด้วยซ้ำไป  แต่ว่าได้ยินแต่คำว่าปฏบัติ  คนไทยเราใช้คำนี้มาก  พอพูดถึงปฏิบัติก็รู้กันเลยว่า  แปลว่า "ทำ" ไม่ว่าจะทำอะไรทั้งสิ้น

เพราะฉะนั้น พอบอกว่าปฏิบัติธรรม  ก็เลยคิดว่าต้องไปทำอะไรสักอย่างหนึ่ง คงจะต้องไปนั่งขัดสมาธิแล้วก็หลับตา  ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้นเลย  เวลานี้เรากำลังทำอะไรหรือเปล่า  ขณะนี้เรากำลังเห็น  เห็นกำลังทำหน้าที่เห็น  เป็นหน้าที่ของจิต  เวลาเราพูดถึงเรื่องจิต  ดูเหมือนว่าทุกคนเข้าใจแล้ว  แต่พอถามว่า เวลานี้จิตอยู่ที่ไหน  กำลังทำหน้าที่อะไร  ก็ตอบไม่ได้

จริง ๆ แล้วจิตเกิดขึ้นต้องทำกิจการงานทุกขณะ  จิตขณะหนึ่งสั้นมาก  เกิดขึ้นทำกิจแล้วก็ดับไปอย่างรวดเร็ว  จิตเกิดขึ้นทำกิจเฉพาะหน้าที่นั้น ๆ อย่างรวดเร็ว แล้วก็ดับไปอย่างรวดเร็วด้วย  เช่น  ขณะนี้มีจิตเห็นเกิดขึ้นทำกิจเห็นแล้วก็ดับ  ขณะที่ได้ยินก็เป็นจิตเกิดขึ้น ทำหน้าที่ได้ยิน เพราะฉะนั้นจิตเกิดขึ้นทีละขณะมีกิจหน้าที่

 ที่ว่าปฏิบัติ เอาอะไรมาปฏิบัติ  จิตเห็นปฏิบัติอะไรไม่ได้  ได้แต่เห็นอย่างเดียว  จิตได้ยินก็ปฏิบัติอะไรไม่ได้ ได้แต่ได้ยินอย่างเดียว  เพราะฉะนั้น พูดได้ว่า  จิตทุกประเภทเกิดขึ้นปฏิบัติกิจเฉพาะประเภทของจิตนั้น ๆ   เพราะฉะนั้น ปฏิบัติธรรมคืออะไรปฏิบัติ  ต้องมีสภาพธรรม  เช่น จิตเห็นทำหน้าเห็น  จิตได้ยินก็ทำหน้าที่ได้ยิน  ถ้าจะปฏิบัติธรรมก็ต้องรู้ว่าอะไรปฏิบัติ  ถ้าตอบไม่ได้ก็ไม่ใช่ปฏิบัติ  การที่จะไปนั่งหลับตาแล้วอยู่ดี ๆ  เกิดรู้ขึ้นมา  นั่นเป็นไปไม่ได้  เพราะว่าถ้ารู้ก็ต้องรู้ความจริงเดี๋ยวนี้ที่กำลังปรากฏทางตา  ทางหู  ทางจมูก  ทางลิ้น  ทางกายและทางใจ  นี่คือปัญญา  เพราะเป็นของจริงที่สามารถรู้ได้  ถ้าบอกไม่ได้ ว่ามีของจริงขณะนี้กำลังปรากฏ นั่นไม่ใช่ปัญญา  เพราะฉะนั้น  การปฏิบัติธรรม ถ้าตอบไม่ได้ว่าอะไรปฏิบัติ ก็ไม่ใช่ปฏิบัติธรรม


                   
         ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านและขออุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์


                                         .............................................