Translate

วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ตา หู เป็นต้น มีที่ไหน มารมีที่นั่น



                          ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ท่านพระสมิทธิกราบทูลถามว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! คำที่กล่าวกันว่า มาร มารนั้น ด้วยเหตุเพียงเท่าไร จึงชื่อว่ามาร หรือบัญญัติคำว่า มาร ได้"

พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า "ดูก่อนสมิทธิ ! ในที่ใดมีตา มีรูป (สิ่งที่ปรากฏทางตา) มีความรู้แจ้งทางตา  มีธรรมที่พึงรู้แจ้งทางตา ด้วยความรู้แจ้งทางตา...ที่ใดมีหู มีเสียง...ที่ใดมีจมูก มีกลิ่น ...ที่ใดมีลิ้น มีลิ้มรส... ที่ใดมีกาย มีเย็น มีร้อน มีอ่อน มีแข็ง มีตึง มีไหว... ที่ใดมีใจ (ความนึกคิด) มีธรรมะ (สิ่งที่รู้ได้ด้วยใจ) รู้แจ้งทางใจ มีธรรมที่พึงรู้แจ้งทางใจ ในที่นั้น ย่อมมีมาร หรือมีการบัญญัติว่า มาร ได้"

ดูก่อนสมิทธิ !  ในที่ใดไม่มีสิ่งเหล่านั้น ในที่นั้นย่อมไม่มีมาร ไม่มีการบัญญัติว่า มาร ได้"

อธิบายว่า  มีคำบัญญัติว่า "มาร" เพราะเหตุว่า มีรูป (สิ่งที่ถูกเห็น) เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ และธรรมะ (สิ่งที่รู้ได้ด้วยใจ) ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กายและใจให้จิตรู้.....เมื่อใดสติไม่ระลึกรู้สภาพธรรมที่ปรากฏตามความเป็นจริงในขณะนั้น  อกุศลจิตย่อมเกิด  อกุศลเป็นสภาพธรรมที่เป็นทุกข์ เป็น "มาร" นั่นเอง  จึงมีคำบัญญัติว่า มาร ได้ ......เมื่อใดที่สติระลึกรู้สภาพธรรมที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ ขณะนั้นตามความเป็นจริง กุศลจิตเกิด กุศลเป็นธรรมฝ่ายดีเป็นสุข ย่อมไม่มีมาร และไม่มีคำบัญญัติว่า มาร ได้


                                              ....................................

                                 
                                      อนุโมทนาในกุศลจิตกับทุกท่านด้วยค่ะ