ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ท่านพระสมิทธิกราบทูลถามว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! คำที่กล่าวกันว่า มาร มารนั้น ด้วยเหตุเพียงเท่าไร จึงชื่อว่ามาร หรือบัญญัติคำว่า มาร ได้"
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า "ดูก่อนสมิทธิ ! ในที่ใดมีตา มีรูป (สิ่งที่ปรากฏทางตา) มีความรู้แจ้งทางตา มีธรรมที่พึงรู้แจ้งทางตา ด้วยความรู้แจ้งทางตา...ที่ใดมีหู มีเสียง...ที่ใดมีจมูก มีกลิ่น ...ที่ใดมีลิ้น มีลิ้มรส... ที่ใดมีกาย มีเย็น มีร้อน มีอ่อน มีแข็ง มีตึง มีไหว... ที่ใดมีใจ (ความนึกคิด) มีธรรมะ (สิ่งที่รู้ได้ด้วยใจ) รู้แจ้งทางใจ มีธรรมที่พึงรู้แจ้งทางใจ ในที่นั้น ย่อมมีมาร หรือมีการบัญญัติว่า มาร ได้"
ดูก่อนสมิทธิ ! ในที่ใดไม่มีสิ่งเหล่านั้น ในที่นั้นย่อมไม่มีมาร ไม่มีการบัญญัติว่า มาร ได้"
อธิบายว่า มีคำบัญญัติว่า "มาร" เพราะเหตุว่า มีรูป (สิ่งที่ถูกเห็น) เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ และธรรมะ (สิ่งที่รู้ได้ด้วยใจ) ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กายและใจให้จิตรู้.....เมื่อใดสติไม่ระลึกรู้สภาพธรรมที่ปรากฏตามความเป็นจริงในขณะนั้น อกุศลจิตย่อมเกิด อกุศลเป็นสภาพธรรมที่เป็นทุกข์ เป็น "มาร" นั่นเอง จึงมีคำบัญญัติว่า มาร ได้ ......เมื่อใดที่สติระลึกรู้สภาพธรรมที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ ขณะนั้นตามความเป็นจริง กุศลจิตเกิด กุศลเป็นธรรมฝ่ายดีเป็นสุข ย่อมไม่มีมาร และไม่มีคำบัญญัติว่า มาร ได้
....................................
อนุโมทนาในกุศลจิตกับทุกท่านด้วยค่ะ