ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย |
การหลีกออกในที่นี้หมายถึงการหลีกออกจากการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา ไม่ได้หมายถึงการหลีกออกหมู่คน ปัญญาเท่านั้นที่จะค่อย ๆ หลีกออกจากความเห็นผิด หลีกออกจากความติดข้อง ถ้ายังหลีกออกจากความเห็นผิดไม่ได้ก็จะหลีกออกจากคนโน้นคนนนี้ไม่ได้เลย
การหลีกออกจากจิตที่เคยเข้าใจว่าเป็นเรา ยังไม่มีความเข้าใจธรรม ขณะนั้นไม่ต้องไปหลีกไม่ต้องมีตัวตนไปไหนหรือทำอะไรทั้งสิ้น แต่ปัญญานั่นเองที่จะค่อย ๆ หลีกออกจากความไม่รู้และความติดข้อง อย่างอื่นไม่สามารถที่จะหลีกออกจากความไม่รู้และความติดข้องได้เลย พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับ ณ พระวิหารเชตวันไม่ได้ประทับอยู่องค์เดียว พระองค์ไม่ได้หลีกออกไปไหน แต่หลีกออกด้วยใจ
ถ้าหลีกออกด้วยใจ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็จะไม่มีความติดข้อง แต่ถ้ายังติดข้องอยู่ ก็ยังไม่เป็นการหลีกออกด้วยใจ ไม่ได้หลีกออกจากผู้อื่น แต่เป็นการหลีกออกจากความเห็นผิด หลีกออกจากการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา ถ้ายังมีเราก็มีเขา แล้วจะหลีกออกได้อย่างไร แต่ถ้าหลีกออกจากความยึดถือทั้งหมดที่เป็นเรา ก็จะสามารถรู้ได้ว่า ไม่ว่าใคร ๆ ทั้งนั้น ก็คือธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม มีธาตุรู้ และมีสิ่งที่สามารถกระทบจักขุประสาท ทำให้เกิดรูปร่างสัณฐาน เวลาที่เห็น เวลาที่ได้ยิน เวลาที่พูด ก็คือความคิดของจิตที่มีอยู่ที่มหาภูตรูป และสื่งที่ปรากฏเป็นรูปร่างสัณฐานต่าง ๆ ที่จำไว้ว่าเป็นคนนั้นคนนี้ แต่ความจริงแล้วคือ แต่ละหนึ่งธาตุซึ่งเกิดดับอยู่ตลอดเวลา แล้วแต่ว่าจะปรากฏทางไหน.
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน
ขออุทศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์