Translate

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

รู้รูปตามความเป็นจริง



 ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า  พระองค์นั้น

ในปฏิสนธิขณะ  รูปที่เกิดพร้อมกับอุปาทขณะ  (ขณะเกิด)  เป็นรูปที่เกิดจากกรรม เรียกว่า  กัมมชรูป  พอถึงขณะที่เป็นฐิติขณะ (ขณะตั้งอยู่่) ก็มี กัมมชรูป  เกิดอีก  พอถึงภังคขณะ (ขณะดับ) ก็มี กัมมชรูป เกิดอีก  กลุ่มของรูปในสามขณะนี้  ดับไม่พร้อมกัน  เพราะเหตุว่ารูปที่เป็นสภาวรูป มีอายุเท่ากับจิตเกิดดับ ๑๗ ขณะ  เพราะฉะนั้น ขณะนี้รูปที่ตัว มีรูปที่ดับพร้อมกันหมดเลยหรือว่ามีรูปที่เกิดแล้วมีอายุ ๑๗ ขณะของจิต แล้วทยอยกันเกิดดับ  จิตที่ไม่เป็นปัจจัยให้เกิดรูป  นอกจากขณะปฏิสนธิจิตทุกภพชาติ  แล้วก็จุติจิตของพระอรหันต์  และอรูปาวจรวิบากจิตที่เกิดเป็นอรูปพรหมภูมิ

ในชีวิตประจำวัน  มีจิต ๑๐  ประเภทเท่านั้น ที่ไม่เป็นปัจจัยให้เกิดรูป  คือ ทวิปัญจวิญญาณ  ได้แก่ จิตเห็น
จิตได้ยิน  จิตได้กลิ่น  จิตลิ้มรส  จิตรู้กระทบสัมผัส.....จิตเห็นขณะนี้ไม่เป็นปัจจัยให้เกิดรูป  นอกจากนั้น จิตอื่น ๆ  เป็นปัจจัยให้เกิดรูปทั้งสิ้น และมีอายุ ๑๗ ขณะแล้วก็ดับไป

นี่ก็คือความละเอียดของสัทธรรมหรืออสัทธรรม  ซึ่งจะทำให้เกิดความเห็นถูกต้อง ที่จะสามารถดับกิเลสได้  หรือว่าไม่สามารถดับกิเลสได้  ถ้าไม่สามารถที่จะดับกิเลสได้  ก็เพราะเหตุว่า ไม่รู้รูปตามความเป็นจริงที่เกิดทางใดทางหนึ่งใน ๖ ทวาร

ส่วนทางใจนั้น  เรียกว่า  มโนทวารวิถีจิต  จะรู้รูปต่อจากรูปที่รู้ทางตา  หรือรูปที่รู้ทางหู  หรือรูปที่รู้ทางจมูก  หรือรูปที่รู้ทางลิ้น  หรือรูปที่รู้ทางกาย  เมื่อดับไปแล้ว  ไม่ใช่รู้รูปอื่น


                   ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านและขออุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์

                                                   ...........................................