ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น |
ในปฏิสนธิขณะ รูปที่เกิดพร้อมกับอุปาทขณะ (ขณะเกิด) เป็นรูปที่เกิดจากกรรม เรียกว่า กัมมชรูป พอถึงขณะที่เป็นฐิติขณะ (ขณะตั้งอยู่่) ก็มี กัมมชรูป เกิดอีก พอถึงภังคขณะ (ขณะดับ) ก็มี กัมมชรูป เกิดอีก กลุ่มของรูปในสามขณะนี้ ดับไม่พร้อมกัน เพราะเหตุว่ารูปที่เป็นสภาวรูป มีอายุเท่ากับจิตเกิดดับ ๑๗ ขณะ เพราะฉะนั้น ขณะนี้รูปที่ตัว มีรูปที่ดับพร้อมกันหมดเลยหรือว่ามีรูปที่เกิดแล้วมีอายุ ๑๗ ขณะของจิต แล้วทยอยกันเกิดดับ จิตที่ไม่เป็นปัจจัยให้เกิดรูป นอกจากขณะปฏิสนธิจิตทุกภพชาติ แล้วก็จุติจิตของพระอรหันต์ และอรูปาวจรวิบากจิตที่เกิดเป็นอรูปพรหมภูมิ
ในชีวิตประจำวัน มีจิต ๑๐ ประเภทเท่านั้น ที่ไม่เป็นปัจจัยให้เกิดรูป คือ ทวิปัญจวิญญาณ ได้แก่ จิตเห็น
จิตได้ยิน จิตได้กลิ่น จิตลิ้มรส จิตรู้กระทบสัมผัส.....จิตเห็นขณะนี้ไม่เป็นปัจจัยให้เกิดรูป นอกจากนั้น จิตอื่น ๆ เป็นปัจจัยให้เกิดรูปทั้งสิ้น และมีอายุ ๑๗ ขณะแล้วก็ดับไป
นี่ก็คือความละเอียดของสัทธรรมหรืออสัทธรรม ซึ่งจะทำให้เกิดความเห็นถูกต้อง ที่จะสามารถดับกิเลสได้ หรือว่าไม่สามารถดับกิเลสได้ ถ้าไม่สามารถที่จะดับกิเลสได้ ก็เพราะเหตุว่า ไม่รู้รูปตามความเป็นจริงที่เกิดทางใดทางหนึ่งใน ๖ ทวาร
ส่วนทางใจนั้น เรียกว่า มโนทวารวิถีจิต จะรู้รูปต่อจากรูปที่รู้ทางตา หรือรูปที่รู้ทางหู หรือรูปที่รู้ทางจมูก หรือรูปที่รู้ทางลิ้น หรือรูปที่รู้ทางกาย เมื่อดับไปแล้ว ไม่ใช่รู้รูปอื่น
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านและขออุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์
...........................................