สิ่งที่ประเสริฐสุดไม่ใช่เป็นเพียงความรู้สึกสุข ทุกข์ เพราะเหตุว่าวันหนึ่ง ๆ ทุกคนปรารถนาความสุขและก็ไม่ชอบความทุกข์ แต่สิ่งที่เหนือกว่าสิ่งอื่นใดก็คือปัญญา ถ้าเราได้สามารถเข้าใจถูก เห็นถูกในสภาพธรรม เราก็จะไม่มีความกังวลเลยว่า อะไรจะเกิดขึ้น เพราะปัญญาจะสามารถเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเกิดขึ้นเองไม่ได้เลย ถ้าไม่มีปัจจัยที่เหมาะสม ที่สิ่งนั้น ๆ ต้องเกิดเป็นอย่างนั้นไม่เป็นอย่างอื่น หรืออย่างที่เราคิดเราต้องการ ต้องเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้น ถ้ามีความเข้าใจจริง ๆ ปัญญาจะทำให้กุศลต่าง ๆ เจริญยิ่งขึ้น
มีความอดทน ทนต่อสิ่งไม่น่าพึงพอใจ หรือเมื่อประสบกับสิ่งที่น่าพอใจ ก็อดทนที่จะไม่ให้เกิดความยินดีปรารถนาอย่างรุนแรงหรือว่าแล้วแต่กำลังของปัญญา และกุศลอื่น ๆ ก็จะเจริญด้วย ไม่เพียงแต่กุศลในเรื่องของการฟังธรรมหรือการอบรมเจริญปัญญาเท่านั้น แต่ความเห็นถูกก็จะเป็นสังขารขันธ์ปรุงแต่งจิต ซึ่งจะนำมาซึ่งกุศลอื่น ๆ ด้วย เพราะเหตุว่าความเห็นถูก อย่างเช่นว่า ถ้าเรารักสุขเกลียดทุกข์ คนอื่นก็เหมือนกัน เพระาฉะนั้น เราก็จะไม่ไปเบียดเบียนผู้อื่น เพราะว่าเรามีเมตตา เราก็จะไม่ทำอกุศลกรรม เพราะเรารู้ว่าอกุศลกรรมเป็นปัจจัยให้เกิดทุกข์ ถ้าเรามีเมตตาต่อกัน ทุกคนก็จะรู้สึกอบอุ่นสบายใจ ถ้ามีเพื่อนมีคนคอยช่วยเหลือเกื้อกูล มีความหวังดีต่อเรา เราก็จะรู้สึกเป็นสุข
ถ้าเรามีปัญญา เราก็จะเข้าใจในความทุกข์ของคนอื่นซึ่งก็เป็นกรุณา คนเรามีความทุกข์หลายรูปแบบ มีชีวิตแตกต่างกันไปตามกรรม ถ้าเราสามารถที่จะช่วยคลายทุกข์ให้แก่ผู้อื่นได้โดยกาย วาจา หรือโดยความหวังดีซึ่งเป็นทางใจ ซึ่งก็จะทำให้การกระทำทุกอย่างให้เป็นไปในทางที่จะเป็นประโยชน์ต่อบุคคลอื่นและต่อตนเองด้วย ก็เป็นจิตที่ไม่มีความเห็นแก่ตัว ไม่หวังแต่ผลประโยชน์ตน เพราะฉะนั้น ถ้ามีความเข้าใจและเห็นประโยชน์ของปัญญา โดยเฉพาะปัญญาเท่านั้นที่จะนำออกจากสังสารวัฏได้
กองทุกข์ทั้งมวล ทุกชาติ เมื่อเกิดมาแล้วไม่มีใครที่ไม่ทุกข์ ทุกชาติเกิดมาต้องเป็นอย่างนี้เรื่อยไป ออกไม่ได้เลยถ้าไม่มีปัญญา เพราะฉะนั้น ก็จะเริ่มเห็นคุณค่าของปัญญาและเห็นประโยชน์ของปัญญา เห็นพระคุณของพระรัตนตรัย ที่เราได้สะสมมาจนกระทั่่งเป็นปัจจัยให้มีโอกาสได้ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ได้ไตร่ตรอง ได้อบรมให้เจริญขึ้น เพื่อที่จะละคลายอกุศลกรรม จนสามารถดับได้เป็นสมุทเฉจ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วงและกังวัลเรื่องอดีตที่ผ่านมาแล้ว ถ้าเป็นพระโสดาบันจะไม่เกิดในอบายภูมิ แม้ว่ากรรมนั้นมีโอกาสที่จะให้เกิดในอบายภูมิ แต่ด้วยคุณธรรมของพระโสดาบัน พร้อมทั้งปัญญาที่สามารถจะดับกิเลส
การยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนและการสงสัยในสภาพธรรม ไม่ใช่วิสัยผู้ที่จะเป็นพระสกทาคามี เป็นพระอนาคามีและจะเป็นพระอรหันต์ในวันข้างหน้า นี่ก็แสดงว่าเราเห็นประโยชน์ของปัญญามากกว่าอย่างอื่น และสิ่งที่ผ่านไปแล้วก็แล้วไป เดี๋ยวนี้ขณะนี้ที่เรากำลังเห็น กำลังได้ยิน กำลังได้กลิ่น กำลังลิ้มรส กำลังรู้สึกเย็น ร้อน อ่อน แข็ง ไหว ตึง ก็เพราะอดีตกรรมที่ได้กระทำแล้ว นี่ก็ให้เข้าใจจริง ๆ ว่า ทุกขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส ไม่ต้องคิดถึงเรื่องราวใด ๆ เพราะว่าตัวธรรมจริง ๆ เป็นผลของกรรม ส่วนเรื่องราวนั้นเป็นการทรงจำ เป็นความนึกคิดในสิ่งที่ปรากฏ เป็นสัตว์ บุคคล เป็นเรื่องราวต่าง ๆ เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรกังวลในอดีตกรรมที่ได้กระทำแล้ว ควรจะเห็นโทษของอกุศล ถ้าผู้ใดกำลังได้รับความทุกข์ยากลำบาก พึงทราบว่าไม่มีใครทำให้เราเป็นเช่นนั้นเลย
เป็นอดีตกรรมของเราที่ได้กระทำแล้ว
เพราะฉะนั้น กุศลกรรมเจริญได้เพราะปัญญา ก็จะทำให้ค่อย ๆ ละคลายหรือลดกำลังของการกระทำอกุศลน้อยลง จนกระทั่งต่อไปอกุศลไม่เกิด เพราะเหตุว่าปัญญาสามารถรู้ตามความเป็นจริงว่า ขณะนั้นเป็นอกุศล
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน
.
.....................................
หนังสืออ้างิง......พื้นฐานพระอภิธรรม
บ้านธัมมะ มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา