Translate

วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ชีวิต คือ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย


การเกิด แก่ เจ็บ ตาย และความเศร้าโศกเสียใจ การพลัดพรากจากของรักของชอบใจที่ทุกคนประสบอยู่ในชีวิตประจำวันนั้น  เป็นสิ่งที่หนีไม่พ้น  ตราบใดที่ยังมีเหตุปัจจัยให้เกิดทุกข์  มีตัวอย่างใน  ขุททกนิกาย  ฉักกนิบาด  ปัญจสตาปฏาจาราเถรีคาถา  มีข้อความเรื่องหญิงทั้งหลายที่เศร้าโศกเพราะสูญเสียบุตร  หญิงเหล่านั้นได้ไปหาปฏาจาราเถรี  ซึ่งท่านเองก็เคยประสบกับความสูญเสียสามี  บุตร ๒ คน  มารดา  บิดาและพี่ชายในวันเดียวกัน  ท่านเสียสติไปเพราะความโทมนัสอย่างใหญ่หลวง  แต่ตอนหลังกลับได้สติบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน  และภายหลังก็ได้บรรลุอรหัต  ปฏาจาราภิกษุณีแสดงธรรมปลอบโยนหญิงผู้เศร้าโศกเหล่านั้นว่า

                
                     "ท่านไม่รู้ทางของผู้ใดซึ่งมาแล้ว   หรือไปแล้ว
                     แต่ท่านก็ยังร้องไห้ถึงคนนั้นซึ่งมาจากไหน
                     บุตรของเรา  บุตรของเรา
                     ถึงท่านจะรู้จักทางของเขาผู้มาแล้ว  หรือไปแล้ว
                     ก็ไม่ควรเศร้าโศกถึงเขาเลย  เพราะสัตว์ทั้งหลายมีอย่างนี้เป็นธรรมดา
                     เมื่อเขามาจากปรโลก  ใคร ๆ ไม่ได้อ้อนวอนเลย  เขาก็มาแล้ว
                     เมื่อเขาจะไปจากมนุษย์โลก  ใคร ๆ ก็ไม่ได้อนุญาตให้ไป
                     เขามาจากไหนก็ไม่รู้
                     พักอยู่ที่นี้ชั่วระยะเล็กน้อย  แล้วไป  ก็ดี
                     มาจากที่นี้สู่ที่อื่น  ไปจากที่นั้นไปสู่ที่อื่น  ก็ดี
                     เขาละไปแล้วจากรูปมนุษย์  จักท่องเที่ยวไป
                     มาอย่างไรก็ไปอย่างนั้น  การร่ำไห้ในการไปของสัตว์นั้น  จะเป็นประโยชน์อะไร"

เราไม่รู้ว่าใครมาจากภูมิไหนและจะไปสู่ภูมิไหน  ภพชาติในอดีตนั้นไม่อาจที่จะประมาณได้  ดังนั้น  จึงไม่น่าประหลาดใจเลยว่าในอดีตอนันตรชาตินั้น  บุคคลทั้งหลายย่อมเคยมีความสัมพันธ์กันมาแล้วในฐานะต่าง ๆ  เช่น  ในฐานะบิดา มารดา  พี่  น้อง  สามี  ภรรยา  บุตรหลาน  เพราะฉะนั้น เรายังอยากจะวนเวียนไปในสังสารวัฏอันหาที่สุดมิได้เช่นนี้อยู่หรือ.

ขออนุโมทนาในกุศลจิตกับทุกท่าน ณ ที่นี้ด้วยค่ะ


...........................