การเกิด แก่ เจ็บ ตาย และความเศร้าโศกเสียใจ การพลัดพรากจากของรักของชอบใจที่ทุกคนประสบอยู่ในชีวิตประจำวันนั้น เป็นสิ่งที่หนีไม่พ้น ตราบใดที่ยังมีเหตุปัจจัยให้เกิดทุกข์ มีตัวอย่างใน ขุททกนิกาย ฉักกนิบาด ปัญจสตาปฏาจาราเถรีคาถา มีข้อความเรื่องหญิงทั้งหลายที่เศร้าโศกเพราะสูญเสียบุตร หญิงเหล่านั้นได้ไปหาปฏาจาราเถรี ซึ่งท่านเองก็เคยประสบกับความสูญเสียสามี บุตร ๒ คน มารดา บิดาและพี่ชายในวันเดียวกัน ท่านเสียสติไปเพราะความโทมนัสอย่างใหญ่หลวง แต่ตอนหลังกลับได้สติบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน และภายหลังก็ได้บรรลุอรหัต ปฏาจาราภิกษุณีแสดงธรรมปลอบโยนหญิงผู้เศร้าโศกเหล่านั้นว่า
"ท่านไม่รู้ทางของผู้ใดซึ่งมาแล้ว หรือไปแล้ว
แต่ท่านก็ยังร้องไห้ถึงคนนั้นซึ่งมาจากไหน
บุตรของเรา บุตรของเรา
ถึงท่านจะรู้จักทางของเขาผู้มาแล้ว หรือไปแล้ว
ก็ไม่ควรเศร้าโศกถึงเขาเลย เพราะสัตว์ทั้งหลายมีอย่างนี้เป็นธรรมดา
เมื่อเขามาจากปรโลก ใคร ๆ ไม่ได้อ้อนวอนเลย เขาก็มาแล้ว
เมื่อเขาจะไปจากมนุษย์โลก ใคร ๆ ก็ไม่ได้อนุญาตให้ไป
เขามาจากไหนก็ไม่รู้
พักอยู่ที่นี้ชั่วระยะเล็กน้อย แล้วไป ก็ดี
มาจากที่นี้สู่ที่อื่น ไปจากที่นั้นไปสู่ที่อื่น ก็ดี
เขาละไปแล้วจากรูปมนุษย์ จักท่องเที่ยวไป
มาอย่างไรก็ไปอย่างนั้น การร่ำไห้ในการไปของสัตว์นั้น จะเป็นประโยชน์อะไร"
เราไม่รู้ว่าใครมาจากภูมิไหนและจะไปสู่ภูมิไหน ภพชาติในอดีตนั้นไม่อาจที่จะประมาณได้ ดังนั้น จึงไม่น่าประหลาดใจเลยว่าในอดีตอนันตรชาตินั้น บุคคลทั้งหลายย่อมเคยมีความสัมพันธ์กันมาแล้วในฐานะต่าง ๆ เช่น ในฐานะบิดา มารดา พี่ น้อง สามี ภรรยา บุตรหลาน เพราะฉะนั้น เรายังอยากจะวนเวียนไปในสังสารวัฏอันหาที่สุดมิได้เช่นนี้อยู่หรือ.
ขออนุโมทนาในกุศลจิตกับทุกท่าน ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
...........................