Translate

วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เรื่อง ชีเปลือยชื่อปาฏิกบุตร

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเล่าถึงชีเปลือยปาฏิกบุตร ผู้เลิศด้วยลาภ ยศ อาศัยอยู่ในวัชชีคาม  ใกล้กรุงเวสาลี  ชีเปลือยผู้นี้เปล่งวาจาในท่ามกลางบริษัทว่า  พระสมณโคดมเป็นญาณวาทะ (ผู้กล่าวรับรองญาณความรู้)  ตนก็เป็นญาณวาทะ  ควรจะแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ด้วยกันได้  พระสมณโคดมมาครึ่งทาง  ตนจะไปครึ่งทาง  พระสมณโคดมแสดงอิทธิปาฏิหาริย์กี่อย่าง  ตนก็จะแสดงเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

 เมื่อสุนักขัตตลิจฉวีมาเล่าให้ฟัง  เราจึงกล่าวชีเปลือยชื่อปาฏิกบุตรไม่ละทิ้งถ้อยคำนั้นความคิดนั้น  ไม่สละความเห็นนั้น  ก็ไม่ควรมาอยู่ต่อหน้าเรา  ถ้าขืนมาศีรษะก็จะแตก  สุนักขัตตลิจฉวีขอให้เรารักษาถ้อยคำที่เราพูดไว้  เราจึงให้สุนักขัตตลิจฉวี ไปบอกแก่ชีเปลือยชื่อปาฏิกบุตร

เช้าวันรุ่งขึ้น  เมื่อกลับจากบิณฑบาตในกรุงเวสาลี  เราจึงเข้าไปพักกลางวันในอารามของชีเปลือยชื่อปาฏิกบุตร  สุนักขัตตลิจฉวีก็รีบเที่ยวไปบอกพวกกษัตริย์ลิจฉวี  รวมทั้งพราหมณ์มหาศาล  คฤหบดีมหาศาล และสมณพรหมณ์  เจ้าลัทธิต่าง ๆ ให้รีบไปดูการแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ระหว่างเรากับชีเปลือยชื่อปาฏิกบุตร

เมื่อชีเปลือยชื่อปาฏิกบุตรทราบว่า  มีคนมาประชุมเพื่อจะคอยดู  ก็ตกใจกลัว  จึงเดินทางไปยังอารามของปริพพาชกชื่อติณฑุกขานุ (ตอไม้มะพลับ)  พวกบริษัทก็ไปตาม  พูดขอร้องให้ไปแสดงตัว  ชีเปลือยผู้นั้นก็พูดว่า  จะไป  แต่กระเสือกกระสนอยู่ในที่นั้น ลุกขึ้นไม่ได้  มหาอำมาตย์ของเจ้าลิจฉวีไปตาม  เขาก็พูดอย่างนั้น  แต่ลุกขึ้นไม่ได้  ชาลิยะศิษย์ของปริพพาชกผู้ใช้บาตรไม้  จึงไปตามและพูดว่าอย่างเจ็บ ๆ  แต่ก็ไม่สำเร็จ  ชีเปลือยไม่ยอมไปแสดงตัว  เราจึงแสดงธรรมแก่บริษัทที่ไปประชุมนั้น  แล้วกลับที่พัก  และเราได้ถามสุนักขัตตลิจฉวีว่า  ที่เป็นอย่างนี้  ชื่อว่าเราแสดงอิทธิปาฏิหาริย์แล้วหรือยัง  สุนักขัตตลิจฉววีก็รับว่าแสดงแล้ว.

                                                   
                                  ....................................................