สมัยนั้น พรหมณ์ผู้กระด้างถือตัว อาศัยอยู่ในกรุงสาวัตถี พราหมณ์นั้นไม่ไหว้มารดา ไม่ไหว้บิดา ไม่ไหว้อาจารย์ ไม่ไหว้พี่ชาย
สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า อันมีบริษัทใหญ่แวดล้อมทรงแสดงธรรมอยู่
ขณะนั้น พราหมณ์ผู้กระด้างเพราะถือตัว คิดว่า พระสมณโคดมนี้ อันบริษัทใหญ่แวดล้อม ทรงแสดงธรรมอยู่ ถ้าอย่างไรเราพึงเข้าไปหาพระสมณโคดม ถ้าพระสมณโคดมจักพูดกับเรา เราก็จักพูดด้วย ถ้าพระสมณโคดมจักไม่พูดกับเรา เราก็จักไม่พูดด้วย
ลำดับนั้น พราหมณ์ผู้กระด้าง จึงเข้าไปใกล้พระผู้มีพระภาค ครั้นเข้าไปใกล้แล้ว จึงยืนอยู่ ณ ส่วนข้างหนึ่ง ขณะนั้น พราหมณ์ผู้กระด้างเพราะถือตัว คิดว่า พระสมณโคดมย่อมไม่รู้อะไร จึงใคร่จะกลับ
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบความคิดของพราหมณ์นั้น จึงตรัสกะพราหมณ์ด้วยคาถา (คำกวี) ว่า
"ดูก่อน พราหมณ์ ! ความถือตัวมีแก่ใครในโลกนี้ ก็ไม่เป็นของดีเลย ท่านมาด้วยความต้องการอันใด ก็พึงกล่าวความต้องการนั้นเถิด"
ลำดับนั้น พราหมณ์นั้น คิดว่า พระสมณโคดมย่อมรู้จิตของเรา จึงหมอบลงแทบพระบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยเศียรเกล้า ณ ที่่นั้น แล้วจุมพิตพระบาทของพระผู้มีพระภาคด้วยปาก เอามือนวดพื้นพระบาท ประกาศนามของตนว่า "ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! ข้าพระองค์คือมานถัทธะ ข้าพระองค์คือมานถัทธะ (ผู้กระด้างถือตัว)"
ลำดับนั้น ที่ประชุมนั้นก็เกิดความรู้สึกอัศจรรย์ใจว่า "น่าอัศจรรย์หนอ เรื่องไม่เคยมี มามีขึ้น พราหมณ์ผู้นี้ไม่ไหว้มารดา ไม่ไหว้บิดา ไม่ไหว้อาจารย์ ไม่ไหว้พี่ชาย ก็แต่ว่าพราหมณ์นี้กลับทำความเคารพอย่างยิ่งเห็นปานนี้ในพระสมณโคดม."
ลำดับนั้น พราหมณ์นั้นนั่งบนอาสนะของตนแล้ว จึงกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคาถาว่า
"ไม่มีใครทำความถือตัวในใคร ? ควรมีความเคารพอย่างไร ? ควรนอบน้อมใคร ? ควรบูชาอย่างดีต่อใคร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงภาษิตพระคาถาตอบว่า
"ควรมีความเคารพในมารดา ในบิดา ในพี่ชาย ในอาจารย์เป็นที่สี่ ท่านควรนอบน้อมและบูชาอย่างดีในพระอรหันต์ ผู้สงบเย็น ผู้ทำหน้าที่เสร็จแล้ว ผู้ไม่มีกิเลสที่ดองสันดาน ผู้ละมานะได้ ไม่กระด้างเพราะอนุสัยนั้น เป็นผู้ยอดเยี่ยม."
(พราหมณ์ผู้กระด้างเพราะถือตัว ก็ประกาศตนเป็นอุบาสกถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต)
มานถัทธสูตร ๑๕/๒๖๑
.................................