Translate

วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สคารวสูตร....สูตรว่าด้วยสคารวมาณพ


พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปในแคว้นโกศล  พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่  สมัยนั้น  นางพราหมณีมีนามว่า  ธนัญชานี  อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชื่อ  ปัจจลกัปปะ  นางเป็นผู้เลื่อมใสในพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  เมื่อพลาดล้ม  ก็เปล่งอุทาน  ๓  ครั้ง ว่า  นะโม  ตัสสะ  ภะคะวะโต  สัมมาสัมพุทธัสสะ  สมัยนั้น  สคารวมาณพซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเวททั้งสามได้ฟังว่า  นางพราหมณีธนัญชานี  กล่าวถ้อยคำอย่างนั้น  ก็กล่าวว่า  นางพราหมณีธนัญชานีเป็นผู้ตกต่ำล่มจม  ทั้ง ๆ  ที่มีพราหมณ์ผู้รู้ไตรเวท  ก็ยังกล่าวคุณของสมณะศีรษะโล้น  นางตอบว่า  ถ้าท่านรู้ถึงศีลและปัญญาของพระผู้มีพระภาค  ก็จะไม่สำคัญเห็นว่าพระผู้มีพระภาคเป็นผู้ควรด่าควรบริภาษเลย  มาณพจึงสั่งว่า  ถ้าสมณะมาหมู่บ้านนี้  ก็พึงบอกแก่ข้าพเจ้า  นางพราหมณีก็รับคำ

ต่อมาเมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปในแคว้นโกศล  ทรงแวะพัก  ณ  หมู่บ้านชื่อปัจจลกัปปะประทับ  ณ  ป่ามะม่วงของโตเทยยพราหมณ์  นางธนัญชานีพราหมณีจึงไปแจ้งให้สคารวมาพทราบ  สคารวมาณพได้ทราบก็ไปเฝ้าทูลถามว่า  พระโคดมเป็นพวกไหนของสมณพราหมณ์  ที่ปฏิญญาถึงเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ว่าตนรู้แจ้งในปัจจุบัน  อยู่จบพรหมจรรย์  บรรลุถึงความเป็นผู้ถึงฝั่งอย่างสมบูรณ์  พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า  พระองค์ตรัสว่า  สมณพรหมณ์เหล่านั้นมีต่าง  ๆ  กัน  คือที่เป็นพวกฟังสืบ ๆ  กันมาก็มี  เช่น  พวกพรหมณ์ที่รู้วิชา  ๓  (รู้ไตรเวท),  ที่ปฏิญญาถึงเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์  ด้วยเหตุสักว่า  ความเชื่อก็มี  เช่น  พวกนักเดา  นักคิดพิจารณา  ที่รู้แจ้งธรรมด้วยตนเองในธรรมที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อนก็มี  พระองค์อยู่ในพวกหลังนี้

ครั้นแล้วตรัสเล่าพระดำริตั้งแต่ยังมิได้เสด็จออกบวช  เห็นโทษของการครองเรือน  แล้วเสด็จออกผนวชจนถึงทรงบำเพ็ญทุกกรกิริยา  แล้วทรงเลิกทุกกรกิริยาจนได้บำเพ็ญฌานและได้วิชชา ๓  ใน  ๓  ยามแห่งราตรี  (ข้อความพิสดารเช่นเดียวกับในมหาสัจจกสูตร  หน้า  ๓๙๕, ๓๙๖)

มาณพได้ทูลถามถึงเรื่องเทวดาอีกเล็กน้อย  เมื่อตรัสตอบแล้ว  ก็ทูลสรรเสริญพระธรรมเทศนา  แสดงตนเป็นอุบาสกถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต


........................................