พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปในแคว้นโกศล พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ สมัยนั้น นางพราหมณีมีนามว่า ธนัญชานี อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชื่อ ปัจจลกัปปะ นางเป็นผู้เลื่อมใสในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เมื่อพลาดล้ม ก็เปล่งอุทาน ๓ ครั้ง ว่า นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ สมัยนั้น สคารวมาณพซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเวททั้งสามได้ฟังว่า นางพราหมณีธนัญชานี กล่าวถ้อยคำอย่างนั้น ก็กล่าวว่า นางพราหมณีธนัญชานีเป็นผู้ตกต่ำล่มจม ทั้ง ๆ ที่มีพราหมณ์ผู้รู้ไตรเวท ก็ยังกล่าวคุณของสมณะศีรษะโล้น นางตอบว่า ถ้าท่านรู้ถึงศีลและปัญญาของพระผู้มีพระภาค ก็จะไม่สำคัญเห็นว่าพระผู้มีพระภาคเป็นผู้ควรด่าควรบริภาษเลย มาณพจึงสั่งว่า ถ้าสมณะมาหมู่บ้านนี้ ก็พึงบอกแก่ข้าพเจ้า นางพราหมณีก็รับคำ
ต่อมาเมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปในแคว้นโกศล ทรงแวะพัก ณ หมู่บ้านชื่อปัจจลกัปปะประทับ ณ ป่ามะม่วงของโตเทยยพราหมณ์ นางธนัญชานีพราหมณีจึงไปแจ้งให้สคารวมาพทราบ สคารวมาณพได้ทราบก็ไปเฝ้าทูลถามว่า พระโคดมเป็นพวกไหนของสมณพราหมณ์ ที่ปฏิญญาถึงเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ว่าตนรู้แจ้งในปัจจุบัน อยู่จบพรหมจรรย์ บรรลุถึงความเป็นผู้ถึงฝั่งอย่างสมบูรณ์ พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า พระองค์ตรัสว่า สมณพรหมณ์เหล่านั้นมีต่าง ๆ กัน คือที่เป็นพวกฟังสืบ ๆ กันมาก็มี เช่น พวกพรหมณ์ที่รู้วิชา ๓ (รู้ไตรเวท), ที่ปฏิญญาถึงเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ ด้วยเหตุสักว่า ความเชื่อก็มี เช่น พวกนักเดา นักคิดพิจารณา ที่รู้แจ้งธรรมด้วยตนเองในธรรมที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อนก็มี พระองค์อยู่ในพวกหลังนี้
ครั้นแล้วตรัสเล่าพระดำริตั้งแต่ยังมิได้เสด็จออกบวช เห็นโทษของการครองเรือน แล้วเสด็จออกผนวชจนถึงทรงบำเพ็ญทุกกรกิริยา แล้วทรงเลิกทุกกรกิริยาจนได้บำเพ็ญฌานและได้วิชชา ๓ ใน ๓ ยามแห่งราตรี (ข้อความพิสดารเช่นเดียวกับในมหาสัจจกสูตร หน้า ๓๙๕, ๓๙๖)
มาณพได้ทูลถามถึงเรื่องเทวดาอีกเล็กน้อย เมื่อตรัสตอบแล้ว ก็ทูลสรรเสริญพระธรรมเทศนา แสดงตนเป็นอุบาสกถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต
........................................