ธัมมเจติยสูตร
พระผู้มีพระภาคประทับ ณ เมทฬุปนิคม แคว้นสักกะ พระเจ้าปเสนทิโกศลมีพระราชกรณียกิจ เสด็จไปยังนครนั้นโดยลำดับ ในการสเด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้าทรงมอบพระขรรค์และพระอุณหิส (กรอบพระพักตร) แก่ทีฆการายนอำมาตย์ แล้วเสด็จดำเนินไปยังวิหารซึ่งปิดประตู ค่อย ๆ เข้าไปสู่ระเบียง ทรงกระแอมแล้วเคาะบานประตู พระผู้มีพระภาคก็ทรงเปิดประตู จึงเสด็จเข้าไปสู๋วิหาร หมอบลงที่พระบาทของพระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า ทรงจุมพิตพระบาทพระผู้มีพระภาคด้วยพระโอษฐ์ ทรงนวโพื้นฝ่าพระบาทด้วยพระหัตถ์ ประกาศนามของพระองค์ พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ทรงเห็นอำนาจประโยชน์อะไรจึงทรงแสดงความเคารพอย่างยิ่งในสรีระนี้
ตรัสตอบสรรเสริญว่า ๑. ไม่ทรงเห็นพรหมจรรย์อื่นจากพรหมจรรย์นี้ ที่บริสุทธิ์บริบูรณ์เห็นปานนี้ ทรงมีความรู้ด้วยญาณอันประจักษ์ในพระผู้มีพระภาคว่า พระผู้มีพระภาคตรัสรู้ดีโดยชอบ พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว พระสงฆ์สาวกเป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว ๒. ทรงเห็นภิกษุทั้งหลายพร้อมเพรียงไม่วิวาทกันเข้ากันได้ดี ๓. ทรงเห็นภิกษุทั้งหลายร่าเริงยินดีมีอินทรีย์แช่มชื่น คงจะได้บรรลุคุณพิเศษอันโอฬาร ๔. พระสาวกเตือนกันและกันมิให้ส่งเสียงเอ็ดอึงแม้ไอจาม ในขณะที่พระผู้มีพระภาคแสดงธรรม แสดงว่าทรงฝึกหัดบริษัทได้ดี โดยไม่ต้องให้อาชญาและศัสตรา ๕.- ๘. ทรงเห็นบัณฑิตผู้เป็นกษัตริย์, พราหมณ์, คฤหบดี, สมณะ ผู้ปัญหาถามว่า จะยกวาทะพระสมณโคดม แต่แล้วก็กลายเป็นสาวกของพระผู้มีพระภาคไป ๙. ช่างไม้ชื่ออิสิทันตะ กับ ปุราณะ ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจากพระเจ้าปเสนทิโกศล แต่ก้ไม่แสดงความเคารพในพระองค์เท่าในพระพุทธเจ้า ครั้งนั้นทรงทดลองอยู่ในโรงพักแคบ ๆ ช่างไม้สองคนทราบว่าพระพุทธเจ้าอยู่ทางไหน ก็นอนหันศรีษะไปทางนั้น หันเท้าไปทางพระเจ้าปเสนทิโกศล ๑๐. ตรัสชี้ให้เห็นว่าพระผู้มีพระภาคและพระองค์ก็เป็นกษัตริย์เหมือนกัน มีอายุ ๘๐ เหมือนกัน เป็นชาวโกศลเหมือนกัน เพราะเหตุนี้จึงทรงแสดงความเคารพอย่างยิ่งในพระผู้มีพระภาค
เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลเสด็จจากไปแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภาษิตของพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า ธัมมเจดีย์ ทรงถือว่ามีประโยชน์และเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ ทรงสอนให้ภิกษุทั้งหลายเล่าเรียนทรงจำไว้.
...............................